
Voice 4 เข้มข้นตื่นเต้นตามแบบ “Voice”
รีวิวจัดเต็ม Voice 4 เข้มข้นตื่นเต้นตามแบบ “Voice” แม้กระนั้นอ่อนด้อยความเถื่อนแล้วก็หลอน
สำหรับหนังหรือซีรีส์ถ้าเกิดไม่ดีจริงการผลิตภาคต่อหรือซีซันต่อๆมาก็คงจะไม่มี แต่ว่าหากมีเรื่องมีราวไหนที่ยืนระยะมาได้จนกระทั่งมีภาคถัดมาอย่างนานโน่นเป็นงานนั้นควรมีดีมีฐานผู้ชมที่มากพอเพียง แต่ว่าสิ่งที่ตามมารวมทั้งเป็นราคาที่จ่ายซึ่งมันจะไปถึงจุดตายที่การหมดมุขเรื่องราวเริ่มวนอยู่ที่เดิม ด้วยเหตุว่าการผลิตภาคต่อหรือซีซันต่อนั้นไม่ว่าจะเล่าเช่นไรก็ยังจำต้องดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แล้วสิ่งที่ตามมาเป็นเรื่องจะไม่ปรับปรุงไปๆมาๆกกว่าที่เคยทำให้บางเรื่องวนคงที่จนถึงในที่สุดผู้ชมก็เริ่มหน่าย ซึ่งสำหรับงานซีรีส์ที่ซึ่งพูดได้ว่าแปลงเป็นตำนานอย่าง Voice ที่เริ่มเดินทางจากจุดเริ่มเมื่อปี 2017 ที่แปลงเป็นของขึ้นหิ้งของแวดวงที่คนไหนกันก็จะต้องมอง เมื่อมาครบทั้งยังความหลอน จิตตก
และก็ใจความสำคัญทางด้านสังคม ประกอบกับการแสดงในระดับสวมวิญญาณของอีฮานากับจางฮยอกรวมทั้งผู้อื่นจนถึงตัวร้ายที่จิตสุดๆมันก็เลยทำให้งานออกมาพอดีทุกมิติเมื่องานออกมาเป็น The Best รวมทั้งบรรลุความสำเร็จก็เลยไม่ต้องสงสัยว่าจะมีซีซันถัดมาและมาเป็นสองซีซันเรื่องเดียวต่อเนื่องกัน ที่มาพร้อมด้วยความเพียรพยายามเล่นใหญ่ขึ้นยากขึ้นความอำมหิตและก็หลอนยังมีสุดกำลัง ตามมาด้วยการเล่นเรื่องของนักแสดงที่เป็นสีเทาน่าสงสัยและก็ทำเป็นดี ก็แค่สิ่งที่ทำให้มันหย่อนยานลงเป็นความเป็น Voice ที่เคยเห็นกันมาเมื่อซีซันแรกบางสิ่งมันเห็นความซ้ำ
แล้วก็เริ่มมีริ้วรอยเมื่อเลือกที่จะเล่นใหญ่ขึ้นเป็นหน่วยงานความสลับซับซ้อนที่มากขึ้นทำให้สมองผู้ชมทำงานมาก แต่ว่าทุกๆอย่างก็พอดีดีแบบมีผลสรุปที่ลำพองใจรวมทั้งมีความคิดว่าไม่น่าจะมีทางไปแล้ว จนกระทั่งมาถึงซีซันสี่ที่ข้อเท็จจริงนับเกิดเรื่องที่เล่าคงจะนับเป็นครั้งลำดับที่สาม รวมทั้งตอนนี้สิ่งที่มีความเห็นว่าคงจะถึงทางตันกลับมีทางให้เล่นต่ออย่างฉลาด และก็ยังคงได้ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของ Voice ที่ยังระทึก ตื่นเต้น แต่ว่าบางสิ่งบางอย่างก็หายไปอย่างโชคร้ายกับ Voice 4