Carter เว่อร์มาก! ประเทศเกาหลีบู๊คลั่งฉบับอินเตอร์
Carter คาร์เตอร์ ผลงานบู๊ดีเดือดจากประเทศเกาหลีที่เติมแต่งความแอคชั่นระดับสากลเข้าไปเพื่อเติมเต็มอรรถรส
Carter เล่าราว 2 เดือนให้ภายหลังจากกำเนิดโรคระบาดรุนแรงจากเชื้อดีเอ็มซีที่แพร่ไปทั่วอเมริกาแล้วก็ประเทศเกาหลีเหนือ คาร์เตอร์ ฟื้นขึ้นมาโดยจำเรื่องราวในอดีตกาลมิได้เลย ศีรษะของเขามีเครื่องไม้เครื่องมือปะปนฝังอยู่ ส่วนในปากก็มีระเบิดอำนาจรุนแรง เขาจะต้องรอกระทำตามคำบัญชาของเสียงปัญหาในหู ระเบิดบางครั้งก็อาจจะปฏิบัติงานได้ตลอดเวลาถ้าเกิดเขาไม่อาจจะช่วยเหลือเด็กหญิงผู้เป็นแนวทางเดียวสำหรับในการผลิตยารักษาเชื้อไวรัสได้
แต่ว่าทั้งยังหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาแล้วก็กรุ๊ปที่จะทำรัฐประหารในประเทศเกาหลีเหนือต่างติดตามเขามาติดๆคาร์เตอร์จำต้องทำหน้าที่ให้เสร็จและก็มุ่งหน้าไปด้านเหนือเพื่อตามหาเด็กสาวคนนี้ การต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของเขาจะถ่ายทอดออกมาในรูปภาพยนตร์แอ็คชันที่เดินเรื่องสม่ำเสมอเป็นฉากเดียวนี้
แต่ว่าโชคร้ายอย่างมาก ที่ความบากบั่นจะเติมแต่งความบู๊บ้าบิ่นของประเทศเกาหลีในคราวนี้ จะต้องเจอหน้ากับความผิดพลาดเพราะว่าบากบั่นเยอะเกินไปสักนิด Carter ก็เลยเปลี่ยนเป็นหนังแอคชั่นที่เกือบจะหาจุดจับใจความสำคัญอะไรเกือบจะมิได้เลย เว้นเสียแต่มุมกล้องถ่ายภาพวนๆเวียนๆหมุนๆเชิญวิงเวียน แล้วก็ให้ตายเถิด…ที่ผู้ชมจึงควรทรมาทรกรรมกับสิ่งนี้ไปช้านานถึง 2 ชั่วโมงอย่างยิ่งจริงๆ
นี่เป็นผลงานการควบคุมและก็เขียนบทของ “จองบยองกิล” ที่สร้างชื่อมาจากผลงานเรื่องก่อนใน The Villainess ที่ทำออกมาได้น่าประทับใจ แม้กระนั้นความพากเพียรที่ประยุกต์ใช้ใน Carter นั้น จัดว่ายังค่อนข้างจะไม่เวิร์กสักเท่าไหร่ เนื่องจากถึงแม้หนังจะพากเพียรเท่าไรก็ตาม ส่วนประกอบต่างๆก็ถูกทำลายไปเพราะว่ามุมกล้องถ่ายรูปและก็มุมภาพที่ใช้เพื่อสำหรับในการเล่า ที่แสนจะน่าขยะแขยงไปตลอดเรื่อง
แนวทางมุมกล้องถ่ายภาพของ Carter ที่เพียรพยายามจะเล่าในลักษณะ One Shot ยาวตลอดไปตลอดทั้งเรื่อง เมื่อเอามาผสมกับมุมภาพในสไตล์อย่างกับเล่นวิดีโอเกม RPG อยู่ การเพิ่มถูกกันของ 2 ส่วนประกอบนั้น เป็นความน่าน่ากลัวที่เป็นบั่นทอนหนังลงไปอย่างไม่น่ายกโทษ เมื่อดูหนังประเด็นนี้จบถึงกับขนาดไปตามค้นเลยว่าคนไหนกันที่รับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพให้หนังประเด็นนี้กัน
แล้วก็ยังไม่เพียงเท่านั้น เว้นเสียแต่มุมกล้องถ่ายภาพและก็มุมภาพจะออกจะทำให้เกิดความรู้สึกน่ากลัวไม่น้อย ยังจำต้องมาเจอกับการออกแบบฉากแอคชั่นที่เหนือธรรมชาติรวมทั้งผิดแปลกไปแทบทุกส่วน ไม่ทราบว่าเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตเจตนาไหม หรือบางทีก็อาจจะได้แรงผลักดันมาจากสไตล์หนังบู๊จากบอลลิวูดที่ฝ่าฝืนกฎฟิสิกส์ของสากลโลกไปทั้งผอง คนอะไรจะเก่งกล้าเหนือมนุษย์ได้เพียงนี้
