
รีวิวหนัง Spiderhead
รีวิวหนัง Spiderhead ถึงเวลาหาทางหนี…การทดสอบสุดทะเยอทะยาน!
ภายหลังที่พึ่งจะบรรลุเป้าหมายอย่างยิ่งจากกระบวนการทำหนังภาคต่อบินโฉบเฉี่ยวปัดกวาดเงินในโรงภาพยนต์อยู่เดี๋ยวนี้ ผู้กำกับ “โจเฟซ วัวสินสกี้” ก็ตามมาด้วยผลงานหนังใหม่ของเขาที่ปรับโหมดไปจากเดิมไม่น้อยทีเดียวใน “Spiderhead” ที่มากับคอนเซ็ปต์ที่น่าดึงดูดแล้วก็เต็มไปด้วยความทะยานอยากที่ถ่ายทอดออกมาด้วยเส้นแบ่งบางๆระหว่างถ้าเกิดเกลียดก็คือชิงชังไปเลย Spiderhead เกิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ในคุกสุดล้ำยุคที่ดำเนินงานโดย สตีฟ แอ็บเนสตี ผู้มีวิสัยทัศน์ที่หลักแหลม ผู้ต้องขังควรต้องสวมเครื่องมือศัลยกรรมติดอยู่ที่ตัวเพื่อสามารถรับยาเปลี่ยนแปลงจิตใจได้แลกเปลี่ยนกับการได้ลดหย่อนโทษ ตรงนี้ไม่มีลูกกรง ไม่มีการควบคุมขัง
และไม่มีชุดผู้ต้องขังสีส้ม ข้างในสไปเดอร์เฮด อาสาสมัครผู้ถูกกักขังมีอิสระที่จะมั่นใจในตัวเองเสมอ จวบจนกระทั่งถึงเวลาที่บางทีอาจไม่มีอิสระอีกต่อไป บางครั้งบางคราวก็เป็นตัวเองในแบบที่ดียิ่งกว่า ต้องการบรรเทาใช่ไหม ตรงนี้มียาช่วยได้ อึ้งหรอ มียาที่ช่วยได้ด้วยเหมือนกัน แต่ว่าเมื่อ 2 ผู้ต้องขัง เจฟฟ์ แล้วก็ ลิซซี่ สร้างความสัมพันธ์ที่สนิทกันเพิ่มมากขึ้น ทางสู่การไถ่คืนโทษก็เลยกลับกลับมากกว่าเดิม ในระหว่างที่การทดสอบของแอ็บเนสตีก็เริ่มไปไกลเลยขอบเขตของความมุ่งหมายเสรี ประเด็นนี้ดัดแปลงแก้ไขมาจากเรื่องสั้นแนวดิสโทเปียของ “จอร์จ ซานเดอร์” ที่เผยแพร่ใน The New Yorker ที่ได้ “เรตต์ รีส” กับ “พอล เวอร์นิค” 2 ผู้เขียนจาก Deadpool มาช่วยขยายความให้
แบบว่าให้บอกอย่างไม่อ้อมค้อมก็คือ Spiderhead มีคอนเซ็ปต์ที่น่าดึงดูดอยู่ไม่น้อย แต่ว่าด้านในองค์ประกอบนั้นก็เต็มไปด้วยความทะยานอยากในความนึกคิดของตนอยู่มากมาย ออกมาเป็นหนังตื่นเต้นไซไฟที่เต็มไปด้วยปม หนังปรักปรำดิสโทเปียตามแบบต้นฉบับของบทความมาด้วย แน่ๆว่าเป็นปัญหาที่ออกจะยากมากมายที่จะทำหนังออกมายังไงให้เรียกความพึงพอใจผู้ชมได้ จะต้องยอมรับสารภาพว่าตอนครึ่งแรกของหนังที่เป็นการปูหัวข้อนั้นออกจะน่ารำคาญ หนังบากบั่นยัดใส่ข้อมูลต่างๆในวิธีการทดสอบเข้ามาให้ผู้ชมแบบที่มิได้ตั้งพื้นฐานอะไรก็แล้วแต่มาก่อน ก็เลยเป็นส่วนประกอบที่ผู้ชมบางทีอาจจะมิได้รู้สึกอินกับส่วนนี้ได้สักเท่าไหร่