รีวิวหนัง Pinocchio 2022
“Pinocchio” เวอร์ชั่นแอนิเมชั่นผสมกับคนแสดงจริงที่สรรค์สร้างขึ้นมาโดยต้นตำหรับ วอลต์ ดิสนีย์ ท่ามกลางเรื่องราวที่ผู้ชมน่ารู้จักกันเป็นอย่างดี
แน่ๆว่าโลกแห่งเทพนิยายของ Pinocchio เราจำนวนมากต่างรู้จักกันดี เจปเปตโต ช่างแกะสลักไม้ผู้สันโดษได้ประดิษฐ์หุ่นไม้ขึ้นมาตัวหนึ่ง แต่ว่าอย่างกับขว้างฏิหารย์เกิดขึ้นเนื่องจากเจ้าหุ่นเด็กน้อยตัวนี้กลับขยับเขยื้อนแล้วก็กล่าวติดต่อสื่อสารได้เหมือนกับมนุษย์คนหนึ่ง ทำให้เขามีชื่อเรียกว่า พิน็อคคิโอ และก็นี่เป็นจุดเริ่มแรกของการเสี่ยงภัยที่แสนอัศจรรย์ใจของพินอคคิโอบนโลกใบนี้
นี่เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกรอบของ “ทอม แฮงก์ส” กับผู้กำกับวิสัยทัศน์แล้วก็จินตนาการเลิศล้ำ “โรเบิร์ต เซเม็กคิส” น่าจะเป็นครั้งที่ 4 ของพวกเขา และก็นี่บางครั้งอาจจะไม่ใช่งานประดิษฐ์ที่แปลกใหม่อะไรของ โรเบิร์ต เซเม็กคิส เพราะเหตุว่าเขาชำนาญกับการผลิตหนังสไตล์แอนิเมชั่นโมชั่นมาหลายเรื่อง อย่างเช่น The Polar Express, Beowulf หรือ A Christmas Carol แม้กระนั้นนี่บางครั้งอาจจะเป็นงานผสมระหว่างไลฟ์แอคชั่นกับแอนิเมชั่นเรื่องแรกๆของเขา
ทำให้ผลที่ออกมาคงจำเป็นต้องบอกไม่อ้อมค้อมว่า มิได้ห่วยแตกแต่ว่าก็ยังไม่ดีสักเท่าไหร่ เนื่องจากเมื่อนำเอาส่วนประกอบทั้งคู่มารวมร่วมกัน ระหว่างคนแสดงกับแอนิเมชั่นมารวมกันไว้บนหน้าจอเดียวกันยังไม่ค่อยกลมกลืนสักเท่าไหร่ หนังมองสมูทมากกว่าเมื่อถึงซีนที่เต็มไปด้วยแอนิเมชั่นต่อบทกันไปๆมาๆ แต่ว่าเมื่อจำเป็นต้องมาแสดงร่วมกับคนจริงๆกลับยังมองภาพกระโดดกระดอนออกจะชัด ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่โชคร้ายที่ยอดความสามารถยังออกจะดึงคุณลักษณะเด่นในด้านนี้ได้ไม่ดีสักเท่าไหร่
เมื่อมารวมกับเรื่องราวของหนัง Pinocchio เป็นเทพนิยายแล้วก็นิทานที่พวกเรารู้จักดีกันมาตั้งแต่เด็กๆทุกคนคงจะเคยชินกันอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังนี่เป็นบทประพันธ์ที่ชอบถูกถือเอามาผลิตอยู่บ่อย เมื่อเอามาเล่าอีกในประเด็นนี้ หลายๆอย่างก็แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย แม้ว่าจะบากบั่นรวมทั้งตาท แม้กระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างยังคงอยู่บนรากฐานและก็เคารพนับถือต้นฉบับแบบเดิม จุดที่ทำงานแปลความหมายออกมาใหม่ก็ยังไม่ทำให้ผู้ชมว้าวเท่าไร ก็เลยแปลงเป็นหนังไลฟ์แอคชั่นที่รสค่อนข้างจะจืดชืด รวมทั้งออกจะจำเจไปนิด
